Tuesday, April 30, 2024
<
HomeN.Y.I.E 2016บทสัมภาษณ์ ด.ญ. พิมพ์บุญ พันธุ์พฤกษ์ นักเรียนทุน N.I.Y.E 2016

บทสัมภาษณ์ ด.ญ. พิมพ์บุญ พันธุ์พฤกษ์ นักเรียนทุน N.I.Y.E 2016

การเดินทางไปญี่ปุ่นกับโครงการ N.I.Y.E นี้ เป็นการเดินทางไปญี่ปุ่นครั้งแรกของดิฉัน ดิฉันได้รับประสบการณ์ดีๆ ที่จะไม่มีวันลืมกลับมาอย่างมากมายจากประเทศญี่ปุ่น ทั้งระเบียบวินัย มารยาท การปฏิบัติตัว ที่คนญี่ปุ่นนั้นให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังได้ฝึกฝนการดูแลรับผิดชอบตนเอง เพราะต้องไปอยู่ที่ศูนย์เยาวชนและครอบครัวอุปถรรม์เป็นเวลารวมถึง 10 วัน

จากการไปแลกเปลี่ยนครั้งนี้ดิฉันมีเรื่องอยากเล่ามากมาย แต่คงไม่สามารถเล่าได้ทั้งหมดจึงขออนุญาตเลือกประสบการณ์ที่ชอบและประทับใจมากที่สุด 2 อย่างมาเล่าให้ทุกๆคนได้ฟังค่ะ

สถานที่ที่ดิฉันชอบมากที่สุด คือที่โรงเรียนค่ะ โรงเรียนที่พวกเราได้ไปกันคือโรงเรียน Kuguno Junior High School ตอนไปถึงโรงเรียนพวกเราต้องไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดการแสดงและเดินออกไปพบนักเรียนที่นั่งรอต้อนรับ เมื่อไปถึงก็มีนักเรียนออกมากล่าวต้อนรับเป็นภาษาไทยที่ใช้กูเกิ้ลแทรนสเลตแปล ดิฉันคิดว่าน่ารักมากๆ เลยค่ะ เพราะถึงจะไม่ใช่ภาษาไทยที่ถูกต้องแต่ก็แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและใส่ใจที่จะต้อนรับพวกเรา ต่อจากนั้นยังมีการแสดงเคนโด้และร้องเพลงประสานเสียงให้พวกเราฟังด้วย ดิฉันประทับใจมากค่ะ

หลังจากที่เพื่อนนักเรียนญี่ปุ่นได้ทำการแสดงต้อนรับให้พวกเราชมจบแล้ว ก็ถึงคราวของพวกเราที่จะต้องแสดงให้พวกเขาดูค่ะ ระหว่างรำนี่พวกเราขาสั่นพั่บๆเลยล่ะค่ะ พวกเพื่อนนักเรียนญี่ปุ่นก็ตั้งใจดู มีสมาธิในการรับชมกันสุดๆ ที่ดิฉันมองไปแทบไม่มีใครยิ้มมาเลยค่ะ แต่เมื่อพวกเรารำจบพวกเขาก็ปรบมือให้พวกเรากันอย่างเต็มที่และยิ้มให้กำลังใจมาด้วยนะคะ

เมื่อเดินชมโรงเรียนพอสมควรแล้ว พวกเราก็ต้องเข้าเรียนกับนักเรียนญี่ปุ่นค่ะ โดยวิชาแรกคือวิชาภาษาอังกฤษ พวกเราเรียนร่วมกับนักเรียนชั้น ม.3 ค่ะ โดยพวกเราจะถูกแยกไปตามโต๊ะในกลุ่มต่างๆและมีกิจกรรมที่คล้ายเกมคือให้ไปตามหาคำถามต่างๆตามบริเวณห้อง พวกเราต้องไปเป็นกลุ่มเพราะคำถามแต่ละข้อนั้นส่วนมากจะถามนักเรียนไทยค่ะ กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ดีและช่วยให้ดิฉันได้คุยกับเพื่อนชาวญี่ปุ่นที่ขี้อายมากอีกด้วยค่ะ

ต่อจากการเรียนภาษาอังกฤษก็คือพักกลางวันค่ะ แต่ละคนจะมีเพื่อนนักเรียนญี่ปุ่นมารับไปที่โรงอาหาร ใช่ค่ะ พวกเราเด็กไทยนั่งแยกกันคนละทวีปเลยล่ะ คนที่มารับดิฉันคือโฮสดิฉันเอง เธอมีชื่อว่า ‘อิโอริ’ ค่ะ จริงๆแล้วอิโอริมีน้องสาวที่ชื่อ ‘ฮารุฮิ’ อยู่ชั้น ม.1 โรงเรียนนี้ด้วย แต่เรายังไม่ได้เจอกันค่ะ อิโอริมารับดิฉันไปเป็นคนที่สองในกลุ่ม พอเดินเข้าไปในโรงอาหารมีแต่คนจ้องค่ะ ทั้งกดดันและน่ากลัวแต่แปลกที่ดิฉันกลั้นยิ้มอยู่คนเดียว อาหารกลางวันเป็นข้าวที่ใส่อะไรลงไปหุงหลายๆอย่าง ปลาแซลม่อนย่าง สลัดแบบญี่ปุ่น ซุปมิโซะ และนมค่ะ ดิฉันได้พบความจริงที่น่าตกใจคือ คนญี่ปุ่นกินเร็วกันสุดๆ เลยค่ะ ขนาดดิฉันทานเร็วที่สุดในหมู่เพื่อนคนไทยและเพื่อนชาวญี่ปุ่นในโต๊ะชวนดิฉันคุยไปด้วยระหว่างกินแล้ว ดิฉันยังทานไม่ทันกระดิ่งที่บอกว่าหมดเวลาทานเลยค่ะ

หลังจากหมดเวลาทานอาหารแล้วก็มีนักเรียนหญิงคนหนึ่งมาชวนดิฉันไปห้องสมุดค่ะ เธอชื่อ ‘มิโนริ’ เป็นเพื่อนกับอิโอรินี่แหละค่ะ มิโนริเป็นคนน่ารักมากๆ เธอพยายามชวนดิฉันคุยและไปกับดิฉันตลอดเวลาที่อยู่ในห้องสมุด ทั้งๆที่ภาษาอังกฤษของเธอไม่ได้ดีมากนัก แต่เธอก็มีเรื่องพูดกับดิฉันตลอดเวลา เธอถามถึงนิยายที่ดิฉันสนใจและพาไปดู (ถึงแม้ดิฉันจะบอกไปแล้วว่าภาษาญี่ปุ่นของดิฉันงูๆปลาๆเพียงใด)

เมื่อหมดเวลาพักกลางวันพวกเราชาวไทยก็กลับห้องไปรอเรียนวิชาต่อไป สักพักก็มีนักเรียนญี่ปุ่นมารับค่ะ พวกเราต้องนั่งแยกกันตามเคย วิชาที่จะเรียนกันคือวิชาเขียนพู่กันค่ะ โดยเรียนกับนักเรียนชั้น ม.2 ส่วนตัวดิฉันชอบวิชานี้นะคะ เพื่อนชาวญี่ปุ่นที่อยู่โต๊ะเดียวกับดิฉันก็พยายามสื่อสารและผลัดกันสอนดิฉันเขียนตัวอักษรด้วยพู่กัน และที่พิเศษคือพวกเขาช่วยกันเขียนชื่อดิฉันเป็นตัวคันจิและให้ดิฉันเขียนลงในกระดาษของตัวเองค่ะ ดิฉันก็เขียนชื่อของพวกเขาเป็นภาษาไทยให้ด้วย ถึงจะเขียนพลาดไปแผ่นหนึ่งก็เถอะ(ขออภัยค่า)

ต่อจากวิชาเขียนพู่กันก็คือวิชาสุดท้าย วิชาโกโตะหรือโคโตะค่ะ โกโตะเป็นเครื่องดนตรีญี่ปุ่นที่คล้ายๆจะเข้บ้านเรานี่แหละค่ะ วิชานี้พวกเราร่วมเรียนกับน้องๆ ม.1 ที่น่ารักมากๆ น้องในกลุ่มของดิฉันจะพูดว่า “สุโก่ย” ทุกครั้งที่ดิฉันเล่นจบหนึ่งรอบตอนท้ายวิชาพวกเราต้องออกไปทีละสองคนเพื่อไปเล่นเพลงที่เรียนมาหน้าห้อง คุณครูจะให้น้องๆพูดความรู้สึกหลังจากเล่นจบทีละคน แต่ละคนกระตือรือร้นในการพูดกันมาก น่าเอ็นดูมากเลยล่ะค่ะ

หลังจากจบวิชาโกโตะแล้วก็ถึงเวลาจากกัน พวกเรามาในที่เดิมที่เราเจอกันในตอนเช้า นักเรียนญี่ปุ่นร้องเพลงประสานเสียงให้พวกเราอีกครั้ง ดิฉันก็ฟังไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ แต่รู้ว่าในเพลงมีคำว่า ‘ลาก่อน’ แค่นี้ก็แทบจะร้องไห้แล้วล่ะค่ะ มันเศร้า พอพวกเขาร้องเพลงจบพวกเรานักเรียนไทยก็ต้องพูดความรู้สึกต่อโรงเรียนที่เรามาในวันนี้ แล้วนักเรียนญี่ปุ่นก็ให้ของขวัญพวกเราหลังจากนั้นพวกเขาและต่อแถวเป็นแถวคู่ขนานสองแถว เว้นที่ให้พวกเราเดินผ่านและจับมือพวกเขา ดิฉันดีใจและตื้นตันมาก ถึงระหว่างจับมือจะไม่ได้มองหน้าใครเท่าไหร่เพราะพวกเราเดินกันค่อนข้างเร็ว แต่ก็ได้เห็นหน้ามิโนริและเพื่อนที่สอนเขียนพู่กันอีก 2 คน จากนั้นพวกเราก็นั่งรถขึ้นเขากลับถิ่นกันค่ะ การมาโรงเรียนเป็นประสบการณ์ที่ดิฉันจะไม่มีวันลืม

อีกอย่างที่ดิฉันประทับใจมากคือ โฮสแฟมิลี่ค่ะ อย่างที่ดิฉันบอก อิโอริ คือโฮสของดิฉัน เธออยู่กับดิฉันนานที่สุดในบรรดากลุ่มเพื่อนคนไทยเพราะเธอก็ต้องไปร่วม Discussion ที่โตเกียวด้วยเช่นกัน บ้านโฮสแฟมิลี่ของดิฉันคือบ้าน มุไคฮะตะ ซึ่งมีลูกทั้งหมดรวมอิโอริด้วยแล้ว คือ 4 คน วันที่ดิฉันไปที่บ้านนั้น คุณแม่และน้องคนสุดท้อง ‘โกะฮารุ’ เป็นคนเดินขึ้นมารับดิฉันและอิโอริไปที่รถซึ่งมีน้องๆที่เหลือนั่งรออยู่ ตอนแรกน้องๆอายกันมากและไม่คุยกับดิฉันเลย แต่เมื่อคุณแม่พาไปร้านหนังสือพวกเราก็เริ่มคุยกันมากขึ้น และเริ่มคุยเล่นกันตอนมื้อเย็น ที่บ้านนั้นยังมีคุณพ่อ และคุณตาคุณยายอยู่ด้วย

อาหารเย็นวันนั้นเราทานซูชิ ไก่คาราเกะ และมันหวานกันค่ะ ครอบครัวมุไคฮะตะนั้นเอาอาหารมาให้ดิฉันชิมมากมาย มีอยู่อันหนึ่งเป็นคล้ายๆบ๊วยเปรี้ยวๆ แบบเปรี้ยวมาก ดิฉันแทบกลืนไม่ลง น้องๆหัวเราะกันใหญ่เลยล่ะค่ะ หลังจากทานอาหารเย็นกันเรียบร้อยแล้ว อิโอริก็บอกให้ดิฉันไปอาบน้ำก่อน พอดิฉันอาบเสร็จอิโอริก็เข้าไปต่อ พอพวกเราเสร็จกันทั้งคู่ อิโอริก็ชวนดิฉันใส่ชุดยูกาตะ และคุณแม่ยังให้ดิฉันใส่ชุดกิโมโนอีกชุดด้วยค่ะ

สุดท้ายนี้ดิฉันต้องขอขอบพระคุณทางโครงการ N.I.Y.E เป็นอย่างมากที่ให้โอกาสดิฉันไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่คงหาไม่ได้อีกแล้วในชีวิตนี้ ขอบคุณที่เห็นความสำคัญของการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับประเทศญี่ปุ่น ขอขอบพระคุณคุณลุงที่ศูนย์โนริคุระที่คอยดูแลพวกเราตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่น ขอบพระคุณทางโรงเรียนคุกุโนะที่ให้โอกาสพวกเราได้ไปเยือน ขอบคุณนักเรียนทุกคนที่พยายามพูดคุยกับดิฉัน ขอบคุณครอบครัวมุไคฮะตะที่ใจดีคอยดูแลและพยายามใช้กูเกิ้ลแทรนสเลตคุยกับดิฉันและขอบคุณพี่มนต์มากๆจริงๆที่คอยดูแล คอยมาตามทุกครั้งที่พวกเราไปช้า และคอยแปลอะไรต่อมิอะไรให้พวกเราฟัง พวกเราซึ้งใจมากสำหรับห้องที่โตเกียว และถ้าไม่มีพี่พวกเราคงมืดแปดด้าน ดิฉันขอขอบพระคุณทุกๆคนที่มีส่วนกับโครงการนี้มากจริงๆค่ะ

RELATED ARTICLES

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

- Advertisment -

Most Popular

Recent Comments